วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561

โรคข้อเข่าเสื่อม
โรคเกลื้อน



กรุณาคลิกดูวีดีทัศน์ด้านล่าง

                                      
                                            

                                   

                 

















โรคกระดูกพรุน


โรคกระดูกพรุน

    โรคที่ความหนาแน่นและมวลของกระดูกลดน้อยลง กระดูกเสื่อม เปราะ บาง ผิดรูปและแตกหักได้ง่าย บางรายทำให้ส่วนสูงลดลงเพราะกระดูกผุกร่อน กระดูกจะไม่สามารถทำงานหรือเคลื่อนไหวได้ตามปกติ เช่น การทนรับน้ำหนัก แรงกระแทก หรือแรงกดได้น้อยลง เนื่องจากความเจ็บปวดจากรอยแตกร้าวภายใน ไปจนถึงการแตกหักของกระดูกส่วนสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลทำให้พิการได้ เช่น กระดูกสันหลัง ซึ่งเป็นศูนย์กลางเส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวเสื่อม บาง แตกร้าว หรือหัก 
    
                                             à¸à¸£à¸°à¸”ูกพรุน

อาการของโรคกระดูกพรุน
คนที่ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนมักจะทราบว่าตนป่วยเมื่อมีอาการแสดงไปแล้ว และยังมีอาการบ่งชี้อื่น ๆ ที่ควรใส่ใจสังเกตอาการเพื่อให้สามารถรักษาได้ทันการณ์ ดังนี้
  • กระดูกแตกหักได้ง่ายแม้ถูกกระแทกไม่รุนแรง
  • ปวดหลังเรื้อรัง
  • หลังงอ
  • ความสูงลดลง
สาเหตุของโรคกระดูกพรุน

กระดูกจะมีเซลล์สร้างกระดูก (Osteoblast) ทำหน้าที่สร้างกระดูกขึ้นมาใหม่จากแคลเซียมและโปรตีน ตามกระบวนการ การเจริญเติบโตของร่างกายและทดแทนกระดูกส่วนที่สึกหรอ และมีเซลล์สลายกระดูก (Osteoclast) ทำหน้าที่ย่อยสลายเนื้อกระดูกเก่าโรคกระดูกพรุนเกิดจากการทำงานที่ไม่สมดุลกันของเซลล์กระดูก ทำให้มีการสลายกระดูกมากกว่าการสร้างกระดูก อาจเพราะมีปริมาณแคลเซียมในร่างกายไม่เพียงพอต่อกระบวนการสร้างกระดูก หรืออาจมีความผิดปกติของเซลล์กระดูก
  • อายุ - ด้วยวัยที่เพิ่มมากขึ้น กระบวนการเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มช้าลง กระบวนการทดแทนกระดูกส่วนที่สึกหรอก็จะเป็นไปได้ช้า หากร่างกายขาดแคลเซียมในปริมาณที่จำเป็นต่อการสร้างกระดูก ก็จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน เมื่อแก่ตัวลง กระดูกก็จะบาง เปราะ แตกหักง่ายหากได้รับการกระเทือนแม้ไม่รุนแรงก็ตาม เช่น การล้ม การกระแทก
  • ฮอร์โมน - การลดระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในเพศหญิง อย่างการเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระดูกพรุนและเปราะบางลง ส่วนในเพศชายจะมีความเสี่ยงเกิดโรคกระดูกพรุนเมื่อมีการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) ลดน้อยลง
  • กรรมพันธุ์ - ผู้ที่มีญาติใกล้ชิดทางสายเลือดที่มีประวัติป่วยเป็นโรคกระดูกพรุน ก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับพันธุกรรมโรคดังกล่าวไปด้วย
  • ความผิดปกติในการทำงานของต่อมและอวัยวะต่าง ๆ - เช่น ต่อมไทรอยด์ ต่อมพาราไทรอยด์ ต่อมหมวกไต ไตและตับทำงานผิดปกติ
  • โรคและการเจ็บป่วย - ผู้ป่วยที่มีภาวะกระดูกพรุนอาจเกิดจากการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ เช่น โรคที่เกี่ยวข้องกับตับ ไต กระเพาะ ลำไส้อักเสบ โรคทางเดินอาหาร กรดไหลย้อน โรคความผิดปกติทางการกิน โรคภูมิแพ้ตัวเอง โรคแพ้กลูเตน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคมะเร็งเม็ดเลือด โรคมะเร็งกระดูก
  • การบริโภค - กินอาหารที่มีแคลเซียมไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในการสร้างกระดูกและการเจริญเติบโต กินอาหารที่ทำให้แคลเซียมเสียสมดุล อย่างอาหารจำพวกโปรตีนจากเนื้อสัตว์ซึ่งมีความเป็นกรดสูง น้ำอัดลม ชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ติดต่อกันปริมาณมากเป็นเวลานาน
  • การใช้ยา - ผู้ที่ป่วยและต้องรักษาด้วยการใช้ยาบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น กลุ่มยาสเตียรอยด์ ก็มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนเช่นกัน เพราะตัวยาบางชนิดจะออกฤทธิ์ไปรบกวนกระบวนการสร้างกระดูก เช่น ยาเพรดนิโซโลน (Prednisolone) มีฤทธิ์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน ใช้รักษาอาการอักเสบและใช้รักษาร่วมในหลายโรค อย่างหอบหืดหรือลมพิษ
  • การใช้ชีวิตประจำวัน - การนั่งหรืออยู่ในอิริยาบถท่าใดท่าเดิมเป็นเวลานาน หรือการทำงานที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างหักโหมล้วนส่งผลต่อสุขภาพกระดูกทั้งสิ้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ก่อความเสี่ยงให้เกิดโรคสูง
  • ในส่วนของการดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย ผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหนักหรือเลือกใช้วิธีออกกำลังกายที่ใช้พละกำลังสูง อย่างการยกน้ำหนัก ควรตรวจเช็คสุขภาพและความพร้อมของร่างกายอยู่เสมอ ไม่หักโหมจนเกิดความเสี่ยงที่เป็นอันตรายต่อกระดูกและร่างกาย

  • ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กายวิภาค โรคกระดูกพรุน
การวินิจฉัยโรคกระดูกพรุน
การตรวจว่าเป็นโรคกระดูกพรุนหรือไม่ ทำได้โดยการฉายภาพรังสี คือ
  • DEXA Scan (Dual Energy X-ray Absorption) เป็นเครื่องตรวจหาความหนาแน่นของกระดูก ที่มีความแม่นยำสูง ใช้เวลาในการสแกนน้อย ปริมาณรังสีที่เข้าสู่ร่างกายในขณะสแกนต่ำ ไม่สร้างความเจ็บปวดแก่ผู้ป่วย ใช้เวลาในการตรวจประมาณ 20 นาที เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการประเมินความหนาแน่นของกระดูก สามารถตรวจพบภาวะกระดูกพรุนประกอบการวินิจฉัยเพื่อการรักษาได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่มของโรค
  • ค่าความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density - BMD) ของคนปกติจะอยู่ที่ >-1.0 คนที่มีภาวะกระดูกบาง (Osteopenia) จะมีค่า BMD อยู่ระหว่าง -1.0 ถึง - 2.5 และผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนมีค่า BMD < - 2.5
การรักษาโรคกระดูกพรุน
เนื่องจากโรคกระดูกพรุนเกิดจากภาวะกระดูกเสื่อมที่มาจากหลายสาเหตุ วิธีรักษาคือกระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างกระดูก และลดการทำงานของเซลล์สลายกระดูก ได้แก่ การเพิ่มยาเม็ดเสริมแคลเซียมและการรับวิตามินดีที่ช่วยเสริมการดูดซึมแคลเซียม รวมทั้งรักษาระดับแคลเซียมในกระแสเลือด ช่วยในการรักษามวลกระดูกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งวิตามินชนิดนี้สามารถสังเคราะห์ได้เองทางผิวหนังด้วยการรับแสงแดดอ่อน ๆ ในตอนเช้าการรักษาโรคกระดูกพรุนด้วยยา ใช้ยาอะเลนโดรเนท (Alendronate) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเซลล์สลายกระดูก ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมไปใช้ในกระบวนการสร้างกระดูกเพิ่มขึ้น ไรซีโดรเนท (Risedronate) จะออกฤทธิ์ต่อเนื้อเยื่อกระดูก ลดอัตราการสลายตัวของกระดูก 
ภาวะแทรกซ้อนของโรคกระดูกพรุน
เมื่อกระดูกพรุน ปัญหาที่ตามมาคือ ความเจ็บปวดจากภาวะกระดูกทรุดตัว ปวดหลัง ส่งผลให้เคลื่อนไหวได้อย่างจำกัด มีความสามารถในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ลดลง โดยเฉพาะกิจกรรมนอกบ้านหรือการเข้าสังคม ทำให้อาจเก็บตัวแยกตัวออกจากสังคม ส่งผลให้อาจเกิดภาวะซึมเศร้าต่อไปได้ รวมทั้งกระดูกหัปโดยเฉพาะหากมีการแตกหักของกระดูกสะโพก จะทำให้ผู้ป่วยเดินไม่ได้ ขยับตัวลำบากเพราะความเจ็บปวด ต้องนั่งหรือนอนอยู่กับที่ตลอดเวลา จึงเสี่ยงต่อการเกิดโรคและอาการแทรกซ้อนซึ่งอาจเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้ อย่างการเกิดแผลกดทับ หรือโรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น
การป้องกันโรคกระดูกพรุน
คนทั่วไปสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ด้วยตนเอง ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช้แรงที่หักโหมจนเกินไป รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ตามโภชนาการที่ร่างกายควรได้รับ โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีซึ่งเป็นสารหลักที่สำคัญต่อการสร้างกระดูก อาหารที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ นม น้ำส้ม เต้าหู้ งา กุ้งฝอย ปลาตัวเล็ก ถั่วต่าง ๆ และผักใบเขียว อย่างผักคะน้า ผักกระเฉด ใบยอ ใบชะพลู สะเดา กะเพรา ตำลึง เป็นต้น ส่วนอาหารที่มีวิตามินดี ได้แก่ ตับ ไข่แดง นม เนื้อ ปลาทู ฟักทอง เห็ดหอม การรับแสงแดดอ่อน ๆ ในตอนเช้าอาจช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินดีในเลือด และควรได้รับปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมทั้งโปรตีนจากพืชและสัตว์
ส่วนสิ่งที่ควรบริโภคอย่างระวัง หรืองดเว้นหากเป็นไปได้ คือ เครื่องดื่มที่มีค่าความเป็นกรดสูงอย่างแอลกอฮอล์หรือน้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างชา กาแฟ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือใช้สารเสพติด รวมทั้งระมัดระวังในการใช้ยา โดยเฉพาะการใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานาน


กายวิภาคเกี่ยวกับโรคกระดูกพรุน

      โรคกระดูกพรุน มีกระดูกส่วน Cortex บางลง มีกระดูกส่วน Cancellous บางลง กระดูกสันหลังส่วนแข็งอาจจะไม่สามารถรับแรงกระแทกและน้ำหนักตัวต่างๆ ได้ตามปกติ ทำให้เกิดภาวะกระดูกสันหลังยุบ หรือการมีกระดูกสันหลังหักในผู้สูงอายุตามมาได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่มนุษย์จะต้องรักษาคุณภาพของกระดูกส่วนแข็งนี้ไว้เพื่อให้สามารถใช้งานได้ตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์
 - Cancellous นี้เป็นที่อยู่ของไขกระดูก (Bone Marrow) ซึ่งให้ความสำคัญในการเป็นแหล่งผลิตเม็ดเลือดและโปรตีนภายในกระแสเลือดที่สำคัญของร่างกายอีกแห่งหนึ่ง ในภาวะกระดูกปกติกระดูกสันหลังส่วนแข็งนี้ก็จะมีความยาวที่เหมาะสมและสามารถรองรับน้ำหนักของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะยืน นั่ง นอน กระโดด หรือวิ่งแต่ในกรณีที่กระดูกสันหลังส่วนแข็งมีคุณภาพลดต่ำลง 

Gray252.png

 -Cortex เป็นกระดูกยาวที่อยู่ภายในต้นขา (thigh) ในมนุษย์ถือว่าเป็นกระดูกที่ยาวที่สุด มีปริมาตรมากที่สุด และแข็งแรงที่สุด ความยาวของกระดูกต้นขาโดยเฉลี่ยของมนุษย์ประมาณ 48 เซนติเมตร และเส้นรอบวงโดยเฉลี่ย 2.34 ซม. และสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 30 เท่าในผู้ใหญ่กระดูกนี้รับเข้ากับส่วนของสะโพกที่เบ้าหัวกระดูกต้นขา (acetabulum)และส่วนของเข่า

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ โรคกระดูกพรุน



      
งาดำ กับวิธีรักษา โรคกระดูกพรุน-ข้อเสื่อม โดยไม่ต้องใช้ยา

                                  images-36            
                                             

ถือเป็นข่าวดีสำหรับในวงการแพทย์ของไทย และเป็นข่าวดีสำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนและข้อเสื่อม เมื่อนักวิจัยจากภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ค้นพบวิธีรักษาและยับยั้งโรคกระดูกพรุนและข้อเสื่อม โดยไม่ต้องใช้ยารักษาได้เป็นครั้งแรกของโลกแถมยังมีคุณสมบัติเทียบเท่ายาที่นำเข้ามาจากต่างประเทศด้วย
ผลงานวิจัย
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประสบผลสำเร็จในการค้นพบและวิจัยสารเซซามีนในงาดำ เป็นอาหารเสริมยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลมะเร็ง ฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ เป็นครั้งแรกของโลก นำไปจดสิทธิบัตรแล้วใน 3 ประเทศ รองศาสตราจารย์ ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.)ได้วิจัยและค้นพบว่า”งาดำ”มีสารเซซามิน ที่ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง และ ช่วยฟื้นฟูสภาพเซลล์ที่เสื่อมสภาพได้เป็นครั้งแรกของโลก การศึกษาวิจัยครั้งนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2553 กระทั่งมาประสบความสำเร็จในปีนี้ โดยค้นพบว่าในเมล็ดงาดำ มีสารเซซามินอยู่ภายใน ซึ่งสารตัวนี้สามารถช่วยยับยั้งการพัฒนาเซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์สลายกระดูกที่ทำให้เกิดโรคข้อเสื่อม โรคกระดูกพรุนได้ โดยจะเข้าไปทำให้แคลเซียมประสานกับกระดูกเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยในเรื่องของโรคเกี่ยวกับสมอง ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดอุดตันในสมอง เส้นเลือดแตกที่ทำให้เป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โดยสารเซซามินจะเข้าไปช่วยปกป้องเซลล์ประสาทที่ยังดีอยู่ และช่วยฟื้นฟูเซลล์ประสาทที่เสื่อมสภาพที่สุดท้ายก็เป็นโรคมะเร็ง ที่ถือเป็นโรคที่เกิดมากเป็นอันดับ 1 ในขณะนี้ซึ่งเซลล์มะเร็งนั้นจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เพราะมีเส้นเลือดใหม่ที่เกิดขึ้นมาแล้วไปสร้างการหล่อเลี้ยงให้กับเซลล์มะเร็งนั้นๆ จากนั้นก็จะแพร่กระจายไปเรื่อย ซึ่งสารเซซามินจะเข้าไปปกป้องเซลล์ พร้อมกับตัดวงจร หรือ ลดเส้นเลือดใหม่ที่เป็นน้ำเลี้ยงให้กับเซลล์มะเร็ง พร้อมกับค่อยๆ ฟื้นฟูสภาพเซลล์ให้กลับคืนมา 
ถือเป็นข่าวดีในวงการวิจัยและวงการแพทย์ของไทย และเป็นอีกหนึ่งความหวังของผู้ป่วย เมื่อนักวิจัยของภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้วิจัยและค้นพบว่าใน “งาดำ” มีสารเซซามิน ที่ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง และช่วยฟื้นฟูเซลล์สมองที่เสื่อมจากการเจ็บป่วย หรือ ได้รับการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุได้เป็นครั้งแรกของโลก รศ. ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การศึกษาวิจัยครั้งนี้ได้รับทุนสนับสนุน โดยทุนวิจัยจากเซเรบอส อวอร์ด สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา โครงการวิจัยนวัตกรรมทางเคมี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะแพทยศาสตร์ โดยการวิจัยมุ่งเน้นการค้นคว้าหาสรรพคุณในพืช-ธัญพืช-ผักพื้นบ้าน ที่สามารถรักษาและฟื้นฟูสภาพร่างกายของคนไม่ว่าจะเป็นคนปกติ ผู้ป่วย หรือคนที่พักฟื้นจากการเจ็บป่วย เนื่องจากปัจจุบันมีการนำพืชหลายชนิดมาแปรรูปเป็นอาหารเสริม แต่ส่วนใหญ่มีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ บางยี่ห้อมีการแอบอ้างสรรพคุณต่าง ๆ มากมาย จนอาจจะเป็นผลเสียต่อผู้บริโภคได้ และบางยี่ห้อมีราคาสูง คณะผู้วิจัยเล็งเห็นถึงปัญหาจึงได้ค้นคว้าหาพืชต่าง ๆ ในประเทศ “กระทั่งค้นพบว่า “งาดำ” มีสารสกัดที่มีสรรพคุณมากมาย


อ้างอิง
http://www.kwanthaiherb.com
https://www.pobpad.com/
http://www.kwanthaiherb.com
https://www.honestdocs.co